>1<เทคนิคการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ได้ค่าคลิกสูงสุด
หลายท่านที่ทำ Adsense คงเคยเจอปัญหาค่าคลิกราคาต่ำ วันนี้ผมขอแชร์เทคนิคเล็กๆน้อยๆที่จะช่วยให้ท่านได้ค่าคลิกสูงขึ้นกล่าวโดยรวมคือเรา จำเป็นต้องทราบก่อนว่าเมื่อพูดภึงเว็บของเรา แล้ว Google จะนึกถึง Keyword อะไร จากนั้นเราจะใช้ข้อมูลตรงนี้มาปรับแต่งเนื้อหาในเว็บเพื่อให้แสดงโฆษณาที่มี ค่าคลิกแพงขึ้นกว่าเดิม ส่วนวิธีการเป็นอย่างไรมาดูกันครับ
การหา Keword ที่จ่ายแพงที่สุดในเว็บเพจของคุณ
- ไปที่ Google’s Keyword Tool
- ติ๊กเลือก Website Content
- ใส่ URL ของเว็บไซต์ (สามารถเจาะจงเฉพาะเว็บเพจได้)
- คลิก Get keyword ideas
- เลือก Show All จาก dropdown box
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Group keywords by common terms นั้นถูกติ๊กเรียบร้อย
- Calculate estimates using a different maximum CPC bid: เลือก $USD
- ใส่ค่า 100 ลงใน empty box
- คลิก Recalculate
- ค่า CPC (Cost per Click) โดยประมาณ ของแต่ละ Keyword จะถูกแสดง
- คลิกตรงหัวคอลัมน์เพื่อเรียงลำดับตามค่า Estimated Avg. CPC จากมากไปหาน้อย
- เลือก Match Type: Exact เพื่อให้แสดงจำนวนการค้นหาเฉพาะใน Keyword Phrase นั้นๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าทำการปรับ แต่งมากจนเปลี่ยน Target เดิมของเว็บเรานะครับ เพราะอาจจะส่งผลต่ออันดับใน Keyword อื่นๆ ที่เราทำการ Research Keyword มาก่อนหน้านั้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
>2<เทคนิคการปรับแต่งเว็บไซต์ E-Commerce ให้ประสบความสำเร็จ
การขายของผ่านเว็บไซต์หรือ E-Commerce สิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆ นอกจากการโปรโมตเว็บไซต์นั้นก็คือ “เว็บไซต์” ดังนั้นหากเราสามารถเตรียมเว็บไซต์ ของเราให้ “พร้อมกับการรองรับลูกค้า” ก็จะช่วยทำให้เว็บไซต์ E-Commerce ของคุณสามารถเพิ่มยอดขายได้ แต่คำถามคือ เราจะปรับเว็บไซต์ของเรา “ตรงไหน” และ “อย่างไร” ถึงทำให้เพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์เราได้มากขึ้น ซึ่งลองมาดูคำแนะนำและวิธีการ ว่าทำอย่างไร ที่ผมได้วิเคราะห์เอาไว้ครับ แต่เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผมแนะนำสำหรับ ลูกค้าที่ทำ E-Commerce โดยใช้ระบบเว็บไซต์สำเร็จรูป ของ TARADquickweb.com เป็นหลักครับ ซึ่งหากใครสนใจ ก็เข้าไปสมัครและเปิดเว็บไซต์ สำหรับการขายของได้ฟรีๆ เลยครับ [สมัครฟรี.! ที่นี่]
สำหรับ คนที่มีเว็บไซต์ E-Commerce อยู่แล้ว ผมได้รวบรวมปัจจัยหลายๆ อย่าง ตั้งแต่หน้าเว็บไซต์ หน้าข้อมูลสินค้า หน้าแสดงรายการสินค้า รวมไปยังถึงหน้าหลังบ้าน (back office) ในการบริหารจัดการเว็บไซต์ ซึ่งหากคุณดำเนินการตาม ผมเชื่อว่า น่าจะช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณ สามารถเพิ่มยอดขายได้มากเลยครับ
การจัดการหน้าเว็บไซต์ (Storefront) www.TARADquickweb.com
Topic | Detail | |
หน้าแรก Home Page | ||
Logo หรือชื่อร้าน | ภาพหรือชื่อชัดเจน มีคำขยายของชื่อเว็บ บอกว่าเว็บนี้คือเว็บอะไร? เช่น CAT Center (ตัวใหญ่) ศูนย์แมวไทย เมืองอัมพวา (ตัวเล็ก) | |
Menu & Nevigation | เขียนอธิบายเมนู เข้าใจง่าย (กรณีใช้ Free Style Menu) | |
แบ่งหมวดหมู่สินค้า | เขียนอธิบายชื่อหมวดหมู่สินค้าง่ายต่อความเข้าใจ ไม่ซ้ำซ้อน หรือกว้างจนเกินไป | |
ข่าวสารโปรโมชั่น | ทำภาพ ข้อมูลสินค้าที่น่าสนใจ (Grphic) แล้วใส่ไว้ที่หน้าแรกด้านบน เพื่อเน้นสินค้าที่เป็น promotion และต้องการเน้นในการขาย | |
สินค้าหน้าแรก | เลือกสินค้าที่มานำเสนอหน้าแรก ได้น่าสนใจ และราคาดึงดูด | |
สินค้าแนะนำ | เลือกสินค้าที่น่าสนใจ มานำเสนอ | |
ข่าวสารร้านค้า | ใส่ข้อความที่ น่าสนใจและยืนยันความมีตัวตนของร้านค้า | |
ความกว้างของหน้าเว็บ | ปรับความกว้างของเว็บให้เป็น 1000 pixel หรือ 90-100% เพื่อการนำเสนอข้อมูลสินค้าได้ครบถ้วนมากที่สุด | |
ข้อมูลการส่งสินค้า | ระบุระยะเวลา ช่องทางในการส่งสินค้าให้ชัดเจน, การการันตี การรับประกันสินค้า ให้ชันเจนในเว็บไซต์ | |
Optional | ||
Web Board | ดึงเว็บบอร์ดไว้ที่หน้าแรกของเว็บไซต์ | |
หน้าหมวดหมู่สินค้า (Product Listing Page) | ||
คำอธิบายหมวดหมู่สินค้า | ใส่ ข้อมูลอธิบาย ข้อมูลของหมวดหมู่แต่ละหมวดหมู่ ใส่ keyword ที่ต้องการ เน้น และย้ำลงไป รวมถึงใส่ ลิงค์และตัวหนาบางลง เพื่อทำให้ข้อมูลน่าสนใจและ SEO Friendly มากขึ้น | |
เลือกกรอบรูปสินค้า | กรอบรูปสินค้าไม่ควรเด่นเกิน ภาพสินค้า (หลีกเลี่ยงสีจัดๆ) | |
สินค้าที่เกี่ยวข้อง | เลือก สินค้าที่เกี่ยวข้องกันในหมวดนั้น (เพื่อที่จะแสดงด้านข้างๆ ของเว็บไซต์) เช่น หมวดกล้อง ก็อาจจะมี กระเป๋ากล้องหรือ memory มาแสดงควบคู่ แนะนำ | |
หน้าแสดงรายละเอียดสินค้า (Product Detail Page) | ||
Topic สินค้า | เขียน ให้อ่านให้เข้าใจ หากมีคำกระตุ้น ใส่เพิ่มเข้าไป เพื่อให้สินค้าดูน่ากดมากขึ้น เช่น ลด 20% และควรจะใส่ Keyword ที่ต้องการลงไปใน topic เพื่อผลลัพย์ของการทำ SEO | |
รายละเอียดสินค้า | ใส่ ตัวหนา (bold), ตัวบาง, ตัวเอียง, สี, ขีดเส้นใต้ ที่จะให้ข้อมูลสินค้าน่าอ่านมากขึ้น พยายามเขียนให้ละเอียดที่สุด ระลึกเอาไว้ว่า เรากำลังสื่อสารกับลูกค้าที่ไม่เคยเห็น หรือรู้จักสินค้านี้เลย นอกจากข้อความภาพทีเราจะสื่อสารไปยังเค้าเท่านั้น ที่จะทำให้เค้าเข้าใจมากที่สุด และควรจะใส่ Keyword ที่ต้องการลงไปใน topic เพื่อผลลัพย์ของการทำ SEO | |
ใส่ รายละเอียดสินค้าให้ครบถ้วน และมากเพียงพอต่อการตัดสินใจ เช่น ใส่สเป็กสินค้า ขนาด ภาพ หรือใส่ VDO (เอาลิงค์จาก youtube มาใส่) ซึ่งจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น | ||
ขนาดและน้ำหนัก | สินค้า บางอย่างควรใส่ ขนาดและน้ำหนักลงไปในระบบ หลังบ้าน เพื่อทำให้ลูกค้าเข้าใจ รายละเอียดของสินค้ามากขึ้น (และยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสินค้ากับทางไปรษณีย์ได้) | |
ราคา | ใส่ราคาเต็ม และใส่ราคาส่วนลดลงไป เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจ ในสินค้านั้นมากขึ้น | |
การใส่ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง | การ ใส่ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง ควรใส่ลิงค์ไปที่หน้าของเจ้าของสินค้า (หากคุณเป็นตัวแทน) ต้องระวังลิงค์ที่อาจจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจ ไปซื้อสินค้ากับเว็บอื่นได้ | |
ภาพสินค้า (Product Picture) | ||
ภาพสินค้าของจริง | ใช้ภาพจริงๆสินค้ามาแสดง ภาพชัดเจนไม่มัวหรือมืดจนเกินไป | |
เปรียบเทียบขนาด | สินค้า บางประเภทต้องการๆ เปรียบเทียบด้านขนาด เพื่อทำให้คนเห็นภาพแล้วเข้าใจขนาด โดยใช้การถ่ายภาพสินค้าควบคู่กับของอื่นๆ ที่คนจะสามารถเทียบขนาดได้ เช่น เหรียญบาท ซองบุหรี | |
ภาพสินค้าหลายมุม | ควรมีภาพสินค้าหลายๆ มุมมากกว่า 1 มุม หากสินค้า เช่นหน้าหน้า หลัง หรือภาพเปิดออกมาดูรายละเอียดสินค้าด้านใน | |
ภาพซูมของสินค้า | สินค้า บางอย่างต้องการภาพที่มีการบอกเล่ามากขึ้น เช่น ถ่ายซูมไปที่ ยี่ห้อ หรือ รายละเอียดบางอย่าง เพื่อสร้างความมั่นใจกับลูกค้า | |
ใส่ลายน้ำ | การ ใส่ลายน้ำ หรือข้อความ ลงไปบนภาพสินค้าเพื่อป้องกันการก๊อปปี้ภาพสินค้า ไปใช้ที่เว็บอื่นๆ ควรจะทำข้อความบางๆ ลงไปบนภาพ โดยข้อความไม่ไปขัดหรือบังภาพ จนเกินไป โดยอาจจะพิมพ์ชื่อร้านค้าหรือเว็บลงไป แต่ต้องมั่นใจว่าภาพที่ได้มาเป็นภาพถ่ายโดยร้านค้าเราจริงๆ | |
ภาพ 360 องศา | สินค้า บางอย่างเหมาะกับการทำภาพมุมมอง 360 องศา เช่นสินค้าที่เป็นชิ้นๆ เล็กๆ ไม่ใหญ่โตเกินไป แต่คงไม่เหมาะกับทำทุกชิ้นในร้านค้า เลือกเอาสินค้าที่ต้องการเน้นในการขาย | |
Additional | ||
หน้าแสดงลูกค้าที่เคยซื้อ | ใช้ CMS สร้างหน้าขึ้นมาแล้ว ทำลิงค์โดยใช้ Function Free Style Menu เพิ่มเมนูใหม่เข้ามา “ลูกค้าที่เคยซื้อ” โดยมีเนื้อหา เป็นลูกค้าที่เคยซื้อสินค้ากับทางร้านค้า (ภาพ+คำชม) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อคนอื่นๆ มีลูกค้า 2-3 ราย | |
Webboard | ||
กระทู้ที่คนถามบ่อยๆ | ทำค้างเด่นไว้ด้านบนสุด เพื่อตอบคำถามลูกค้า | |
จำนวนกระทู้ | หากมีกระทู้น้อย 1-2 กระทู้ ควรสร้างกระทู้ให้เพิ่มมากขึ้นถึง 10-12 กระทู้ เพื่อเป็นช่องทางในการพูดคุยกับลุกค้าอีกช่องทาง | |
ติดต่อเรา (Contact Us) | ||
ใส่ข้อมูลที่อยู่จริง ใส่แผนที่ของร้านค้า (หรือปักลงไปใน google map) | ||
เกี่ยวกับเรา (About Us) | ||
ใส่ ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร, เปิดมานานเท่าไร, มีรูปภาพหน้าร้านค้า หรือรูปเจ้าของ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า, รางวัลที่เคยได้รับ หรือ เคยไปออกสื่ออะไรก็นำมาใส่เอาไว้เพื่อสร้างความมั่นใจ (ตัวหนังสือใส่และจัดให้อ่านง่ายและสวยงาม) | ||
Optional | ||
Twitter Account | ให้ ร้านค้าเปิด Twitter Account และนำไป promote ในร้านค้า ตั้งเป้าให้ร้านค้าส่งข้อความ เรื่องทั่วไป ข้อมูลสินค้า โปรโมชั่นใหม่ๆ ทุกๆ วัน วันละ 2-3 ข้อความ ดูตัวอย่างร้าน www.munkonggadget.com | |
Facebook Account | หลัง จากเปิดแล้ว ให้เอา Account Twitter เชื่อมเข้ากับ Facebook เพื่อข้อความจะได้ไปติดใน facebook หลังจาก Tweet ไปแล้ว (ลง Twitter application ใน facebook ด้วย) | |
Back Office | ||
ระบบการส่งสินค้า | ควร ระบุการส่ง และค่าส่งสินค้าด้วยระบบ “กำหนดการจัดส่งสินค้า” เพื่อให้การสั่งซื้อสินค้า รวมกับค่าส่งเข้าไปทันที ไม่ต้องแยก และติดต่อกลับไปหาลูกค้าซ้ำอีกที เมนู = การชำระเงินภาษีและส่งสินค้า > กำหนดการจัดส่งสินค้า | |
หาก ร้าน ค้ารองรับการส่งสินค้าด้วย ไปรษณีย์ไทย ควรเปิดระบบระบบการส่ง และในข้อมูลสินค้าควรใส่ น้ำหนักและขนาดเพื่อการคำนวนค่าขนส่งอัตโนมัติจากไปรษณีย์ไทย | ||
ระบบสินค้าคงคลัง (stock) | หาก ร้าน ค้ามีจำนวนสินค้าในคลัง ควรใส่ จำนวนสินค้าใน stock ลงในระบบด้วย และควร update ตัวเลขจำนวนสินค้าอย่างน้อย อาทิตย์ละครั้งกับร้านค้า เพื่อจำนวนสินค้าที่ตรงกันกับเว็บไซต์ | |
ระบบอัตราภาษี | หากร้านค้า มีการเสียภาษีถูกต้อง ควรดูระบบการคิดคำนวนภาษีด้วย เมนู = การชำระเงินภาษีและส่งสินค้า > กำหนดอัตราภาษี | |
ใส่ระบบวิเคราะห์สถิติ | สามารถใส่ระบบเก็บสถิติคนเข้าเว็บของระบบอื่น เช่น google analytics เพื่อสามารถวิเคราะห์ ข้อมูลของการเข้าเว็บไซต์ได้ เมนู = ระบบรายงานและสถิติ > สถิติผู้เข้าชม ร้านค้า | |
Search Engine Optimizationon | เปิดระบบทำให้เว็บไซต์มีความสามารถในการทำ Search Engine Optimization ได้ที่ เมนู = ลูกเล่นพิเศษ > ปรับแต่งเว็บไซต์ | |
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
0 Response to "Tech &Tips"
แสดงความคิดเห็น